วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

もう最後です!

มาจนถึงตอนนี้ เราจะขอสรุปสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากวิชานี้นะ


คุณครูบอกจุดมุ่งหมายของการทำ タスク เมื่อตอนเรียนคาบสุดท้าย ไว้ว่า「客観的に自分の学びを内省し、解決策を見つけていく」


เราคิดว่าบล็อคก็คือส่วนหนึ่งในกระบวนการนั้นนั่นเอง ถ้าถามว่าเราบรรลุเป้าหมายมั้ยนั่น.. ก็ตอบคำถามตัวเองไม่ได้เหมือนกัน5555


1. ได้เขียนบล็อคและค้นพบว่าเป็นการทบทวนตัวเองอย่างแท้จริง เพราะปกติเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะไม่ได้ทบทวนเลย ทำเสร็จคือเสร็จ ไม่เคยเช็คว่าตัวเองผิดตรงไหนอะไรยังไง อาจจะเป็นเพราะอย่างงี้ทำให้ภาษาเราพัฒนาค่อนข้างช้า เราเน้นพูดๆๆ อย่างเดียว พูดผิดพูดถูกไม่ค่อยสนใจ เพราะตอนพูดถ้าผิดเดี๋ยวก็มีคนแก้ให้ แล้วก็ไม่ค่อยได้จำที่เขาแก้ให้ด้วยนะ เดี๋ยวก็ผิดซ้ำอีก 5555 พอได้มาเรียนวิชานี้ถึงได้รู้ว่า การทบทวนตัวเอง ย้อนมองตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เราจะได้รู้จุดอ่อนของตัวเอง และแก้ไขตัวเองได้ถูกจุดจริง ๆ


2. ได้ทำ タスク ที่ต้องฝึกทักษะหลายด้าน ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นวิชาที่การบ้านเยอะจริง ๆ (ฮือออออ) จริง ๆ เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลย ได้ output สิ่งที่เราเคยเรียนรู้มากทั้งหมดที่เคยมี และได้เช็คด้วยว่าสิ่งที่เราเคยเข้าใจมันถูกหรือไม่ ในบางครั้งที่เราไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดีก็ช่วยให้เราตระหนักได้ว่าเรายังไม่รู้ตรงจุดไหนบ้าง ถ้าเป็นคนขยัน ๆ ทำการบ้านจะรู้สึกว่าเรียนวิชานี้อย่างสนุกนานมาก ๆ แน่ ๆ แต่อารมณ์ขยันของเรามักอยู่แค่ช่วงก่อนมิดเทอม55555


3. ได้เรียนทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับ SLA หรือ กระบวนการเรียนรู้ภาษาที่ 2 เรารู้สึกเรียนเรื่องนี้แล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเนื้อหาที่เรียนมาก ๆ เพราะมันสามารถเทียบได้กับประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเจอมาเลย


อย่างเรื่อง input เรารู้เลยว่าเมื่อ 1 ปีก่อนภาษาญี่ปุ่นเราดีกว่าตอนนี้มาก ๆ เพราะตอนนั้นชอบไอดอลญี่ปุ่น เลยเสพสื่อภาษาญี่ปุ่นทุกวันเลย วันละ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป ชอบดูรายการทีวี ดูละครอะไรแบบนี้ ในขณะที่ตอนนี้แทบไม่ได้ดูอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่น เลยรู้สึกว่าตอนนั้นตัวเองใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เป็นธรรมชาติกว่าตอนนี้แถมยังมีคลังศัพท์ในหัวเยอะเพราะชอบเลียนแบบคนเขาพูดกันทีวี ตอนนี้เลยอยากย้อนกลับไปดูรายการทีวีญี่ปุ่นรัว ๆ อีก จะได้ input เยอะ ๆ ไอดอลหนูอยู่ไหนกลับมาหน่อย5555


แล้วตอนนั้นเรา input ผ่านรายการทีวีแล้วยังได้ output ตอนไปทำพาร์ทไทม์ด้วย ตอนนั้นเลยได้ฝึกทักษะเข้มข้นและสนุกสนานมาก เพิ่งรู้ว่าได้ฝึกเยอะแบบนี้เป็นเรื่องดีมาก ๆ จากที่ได้ดูแผนผังกระบวนการเรียนรู้ในวิชานี้ ตอนนี้ได้แต่เรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียวรู้สึกภาษาญี่ปุ่นตัวเองถดถอยมาก ๆ และคิดว่าเราควรจะคอยทบทวนที่เรียนไปซ้ำ ๆ อีกทีจะได้ไม่ลืม


หรือการเรียนรู้แบบ implicit กับ explicit เลยรู้ว่าจริง ๆ ตัวเองชอบการเรียนรู้แบบ implicit มากกว่ามาก ๆ เพราะไม่ชอบอะไรที่ต้องมานั่งท่องในห้องเรียน เลยชอบตอนที่ตัวเองไปอยู่ญี่ปุ่นแล้วได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมากกว่า รู้สึกตอนนั้นพอได้ใช้จริงแล้วจำได้ดีกว่าการท่องเพราะสำหรับเราพอท่องเดี๋ยวสักพักก็ลืม


เราชอบเรียนแบบ output theory หรือ interaction theory มากเพราะมันทำให้เราตระหนักเองตอนนั้นเลยว่าเรายังไม่รู้ตรงไหน ต้องปรับปรุงตรงไหน แต่ก่อนอื่นต้องระลึกไว้ก่อนว่า เราต้องมี input ที่ดีและเยอะ ๆ ด้วย อันนี้เพิ่งเห็นความสำคัญ


สรุปคือ เห็นความสำคัญของ input และการมอนิเตอร์ตัวเองมากขึ้นมาก ๆ การ output ออกมาอย่างเดียวโดยไม่คอยตรวจสอบตัวเองว่าทำถูกผิดอย่างไรจะทำให้ภาษาเราไม่ได้พัฒนาเลย

หลังจากนี้ก็จะเรียนจบแล้ว (ดีใจมากกก) 5 ปีในมหาวิทยาลัยยาวนานเหลือเกิน ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นเราจะไม่ได้เรียนรู้ในห้องเรียนอีกแล้ว ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ แทน เราดีใจที่ได้ลงเรียนวิชานี้เพราะเราได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่จะทำให้ภาษาเราพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ภาษาญี่ปุ่นเราอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนเจ้าของภาษา แต่ต่อไปเราอยากให้ตัวเองใช้ภาษาญี่ปุ่นในแบบที่สามารถสื่อสารสิ่งที่เราต้องการจะพูดออกมาได้ทั้งหมด 頑張っていきます!!!!

1 ความคิดเห็น:

  1. วิเคราะห์ตัวเองได้ดีมาก รู้ว่าตัวเองชอบเรียนแบบไหน ถนัดอะไร ขอให้ใช้สิ่งที่เรียนในวิชานี้นำไปพัฒนาการเรียนรู้เราต่อไปนะคะ

    ตอบลบ